top of page

  Healthy Life with Keep The Doctor Away  in Thai Language

Introduced by " The SUN Academy (TSA) and Vicharn Group "

มีชีวิตอย่างมีสุขภาพดี กับ " ไกลหมอ "  รวม 197 คลิป 

โปรดใช้วิจารณญาณ ในการรับชม และ นำไปใช้ ครับ

ในเรื่อง การมีชีวิตโดยพึงหมอให้น้อยที่สุด และ ไม่พึ่งยาให้มากที่สุด และ คนที่มีอายุมากแล้ว รักตัวเองให้มาก และ ป่วยให้น้อยที่สุด นับว่าโชคดีแล้ว ครับ

คำตอบ ข้อ 1 ของ Chat GPT จากคำถาม  . ขอทราบ อาหาร หรือ สมุนไพร ที่ดูแล การทำงานของดวง การมองเห็นของตา และ ที่สามารถป้องกัน เยียวยา หรือ บรรเทา อาการต้อเนื้อ หรือ ต้อกระจก หรือ ต้อลม ครับ .                                                และนี้คือ คำตอบ .....                "อาหารและสมุนไพรบางชนิดสามารถช่วยดูแลสุขภาพดวงตา รวมถึงการมองเห็นและป้องกันการเกิดโรคตา เช่น ต้อเนื้อ ต้อกระจก หรือต้อลม ได้ ดังนี้:

1. อาหารที่ช่วยดูแลดวงตา
แครอท: เป็นแหล่งของเบต้าแคโรทีน ซึ่งร่างกายสามารถแปลงเป็นวิตามิน A ซึ่งสำคัญต่อการมองเห็น และช่วยในการป้องกันโรคตามัวจากการขาดวิตามิน A
ผักใบเขียวเข้ม (เช่น ผักโขม, คะน้า, บรอกโคลี): อุดมไปด้วยลูทีนและซีแซนทีน ซึ่งช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของดวงตาและลดความเสี่ยงจากโรคต้อกระจก
ผลไม้ที่มีวิตามิน C (เช่น ส้ม, มะนาว, สตรอว์เบอร์รี): ช่วยป้องกันการเกิดต้อกระจกและช่วยรักษาความแข็งแรงของเส้นเลือดในตา
ปลาแซลมอน และ ปลาทะเลน้ำลึก (เช่น ปลาทูน่า): อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของจอตาและลดการอักเสบในดวงตา
ไข่: มีลูทีนและซีแซนทีน ซึ่งช่วยกรองแสงสีน้ำเงินและป้องกันการเสื่อมสภาพของตา
ถั่วและเมล็ดพืช (เช่น ถั่วอัลมอนด์, เมล็ดทานตะวัน): อุดมไปด้วยวิตามิน E ที่ช่วยปกป้องเซลล์ดวงตาจากความเสียหายจากอนุมูลอิสระ
2. สมุนไพรที่ช่วยดูแลดวงตา
ใบหม่อน (Mulberry leaves): ช่วยบำรุงสายตาและช่วยป้องกันโรคตา เช่น ต้อเนื้อ ต้อกระจก
ดอกคำฝอย (Safflower): ช่วยบำรุงสายตาและมีฤทธิ์ในการลดอาการอักเสบของดวงตา
พุทธา (Goji berries): อุดมไปด้วยวิตามิน A และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงดวงตาและป้องกันการเสื่อมสภาพ
ฟ้าทะลายโจร (Andrographis paniculata): ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันและมีสารต้านการอักเสบ ซึ่งสามารถบรรเทาอาการตาอักเสบหรือการติดเชื้อที่ตา
โสม (Ginseng): ช่วยปรับสมดุลและเพิ่มการไหลเวียนเลือด ทำให้มีการหล่อเลี้ยงที่ดีขึ้นในดวงตา
3. วิธีการดูแลที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง
การพักสายตา: พักสายตาจากการใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนบ่อยๆ โดยการทำตามกฎ 20-20-20 คือ ทุก 20 นาทีให้มองออกไปที่ระยะ 20 ฟุตเป็นเวลา 20 วินาที
หลีกเลี่ยงแสงจ้าและรังสียูวี: การสวมแว่นกันแดดที่มีคุณภาพเพื่อปกป้องดวงตาจากแสงจ้าและรังสี UV
การบริหารตา: เช่น การหมุนตาไปมา หรือการปิดตาแล้วบีบเบาๆ จะช่วยลดความเครียดของกล้ามเนื้อตา
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการใช้สมุนไพรที่ช่วยบำรุงดวงตาเหล่านี้สามารถช่วยเสริมสุขภาพดวงตาและลดความเสี่ยงจากโรคต่างๆ ได้ แต่หากมีอาการผิดปกติของดวงตา ควรพบแพทย์เพื่อการตรวจและรักษาที่เหมาะสม "

คำตอบ ข้อ 2 ของ Chat GPT จากคำถาม  "และปลาทู ช่วยเรื่องตา หรือไม่"  และนี้คือ คำตอบ .....                                     " ปลาทูมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพตาได้จริง เนื่องจากมีสารอาหาร    หลายชนิดที่สำคัญในการบำรุงดวงตา โดยเฉพาะ:
1. กรดไขมันโอเมก้า-3
ปลาทูเป็นแหล่งที่ดีของกรดไขมันโอเมก้า-3  ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการบำรุงสุขภาพดวงตา ช่วยลดการเสื่อมสภาพของจอตา (Age-related macular degeneration - AMD) และป้องกันโรคตาแห้ง
2. วิตามิน D
ปลาทูมีวิตามิน D ซึ่งมีบทบาทในการดูแลสุขภาพตา โดยช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของจอตาและรักษาความแข็งแรงของกระดูก ซึ่งเชื่อมโยงกับสุขภาพตาโดยตรง
3. วิตามิน A
ปลาทูมีวิตามิน A ซึ่งสำคัญต่อการมองเห็น ช่วยให้การมองเห็นในที่มืด (Night Vision) ปกติและยังช่วยป้องกันการเกิดโรคที่เกี่ยวกับการขาดวิตามิน A เช่น ตามัว
4. แร่ธาตุสังกะสี (Zinc)
ปลาทูมีแร่ธาตุสังกะสี ซึ่งช่วยในการบำรุงจอตาและช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของดวงตา
โดยรวมแล้ว ปลาทูมีสารอาหารที่ดีต่อการดูแลสุขภาพตาและสามารถช่วยป้องกันปัญหาสายตา เช่น การเสื่อมสภาพของจอตาและการขาดวิตามิน A ได้ ดังนั้นการรับประทานปลาทูเป็นประจำจึงเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการบำรุงสายตาครับ "

ถั่วเขียว (Mung beans) เป็นพืชที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ โดยเฉพาะในเรื่องของโภชนาการและการบำรุงร่างกาย ประโยชน์ของถั่วเขียวมีดังนี้:

1. บำรุงสุขภาพตา
วิตามิน A: ถั่วเขียวมีวิตามิน A ซึ่งช่วยในการมองเห็น และป้องกันการเสื่อมสภาพของดวงตา รวมถึงช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวกับการขาดวิตามิน A เช่น ตามัว (Night blindness)
สารต้านอนุมูลอิสระ: ถั่วเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ในดวงตาจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจช่วยป้องกันการเกิดโรคตา เช่น ต้อกระจก
2. บำรุงระบบย่อยอาหาร
ไฟเบอร์: ถั่วเขียวมีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยในการย่อยอาหาร ลดอาการท้องผูก และช่วยปรับสมดุลของระบบย่อยอาหาร
โปรไบโอติกส์: การรับประทานถั่วเขียวช่วยเสริมสร้างแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ ทำให้การย่อยอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. บำรุงผิวพรรณ
สารต้านอนุมูลอิสระ: ถั่วเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายจากมลภาวะและแสงแดด ทำให้ผิวดูสดใสและมีสุขภาพดี
ช่วยลดการอักเสบ: ถั่วเขียวมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ ทำให้ช่วยบรรเทาอาการผิวหนังอักเสบหรือสิวได้
4. ลดน้ำตาลในเลือด
ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: ถั่วเขียวมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำและเป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี
5. บำรุงหัวใจ
โปรตีนและไฟเบอร์: ถั่วเขียวมีโปรตีนและไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดและสนับสนุนการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด
ช่วยลดความดันโลหิต: ถั่วเขียวมีโพแทสเซียมที่ช่วยในการควบคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติ
6. ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
สารต้านอนุมูลอิสระ: ถั่วเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งและการเสื่อมสภาพของเซลล์
7. ช่วยควบคุมน้ำหนัก
มีโปรตีนสูง: ถั่วเขียวเป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่ดี และมีไฟเบอร์สูง ซึ่งทำให้รู้สึกอิ่มนาน ช่วยลดความอยากอาหารและสามารถช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้
8. บำรุงระบบภูมิคุ้มกัน
วิตามิน C และแร่ธาตุ: ถั่วเขียวมีวิตามิน C และแร่ธาตุต่างๆ เช่น เหล็ก ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสามารถต้านทานโรคได้ดีขึ้น
การรับประทานถั่วเขียวในรูปแบบต่างๆ เช่น ต้ม แกง หรือทำเป็นขนมหวาน สามารถให้ประโยชน์ต่อสุขภาพได้หลากหลาย ทั้งในเรื่องของการบำรุงร่างกายและการป้องกันโรคต่างๆ ครับ 

ต้นและใบคะน้ามีประโยชน์หลายด้านทั้งในด้านโภชนาการและสุขภาพ ดังนี้:

1. อุดมไปด้วยสารอาหาร

  • วิตามิน: คะน้าเป็นแหล่งที่ดีของวิตามิน A, C, K และบางส่วนของวิตามิน B เช่น วิตามิน B6, โฟเลต (Folate)

  • แร่ธาตุ: คะน้ามีแร่ธาตุสำคัญ เช่น แคลเซียม (ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน), เหล็ก (ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง) และแมกนีเซียม

  • ไฟเบอร์: ใบคะน้ามีเส้นใยที่ช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร และช่วยในการขับถ่าย

2. มีสารต้านอนุมูลอิสระ

  • คะน้ามีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น เบต้าแคโรทีน, วิตามิน C และฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด

3. ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ

  • การบริโภคคะน้ามีผลดีต่อสุขภาพหัวใจ เนื่องจากช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและความดันโลหิต โดยเฉพาะเมื่อรับประทานร่วมกับอาหารที่ดีต่อหัวใจอื่นๆ

4. ช่วยในการบำรุงสายตา

  • ด้วยปริมาณวิตามิน A และเบต้าแคโรทีนสูง จึงช่วยบำรุงสายตาและป้องกันโรคเกี่ยวกับสายตา เช่น ต้อกระจก และโรคตาเสื่อมที่เกี่ยวข้องกับอายุ

5. บำรุงกระดูกและฟัน

  • คะน้ามีแคลเซียมสูง ซึ่งมีประโยชน์ในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง

6. มีคุณสมบัติในการต่อต้านการอักเสบ

  • คะน้ามีสารที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการของโรคที่เกี่ยวกับการอักเสบ เช่น โรคข้อเสื่อม

7. ช่วยควบคุมน้ำหนัก

  • ด้วยความที่คะน้ามีแคลอรีต่ำและไฟเบอร์สูง จึงช่วยในการควบคุมความหิว และช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น เหมาะสำหรับการลดน้ำหนัก

โดยสรุปแล้ว การทานต้นและใบคะน้าสามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีและป้องกันโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ครับ 

มีชีวิตอย่างมีสุขภาพดี กับ " ไกลหมอ "  รวม 197 คลิป 

1. ทำตามป๊า | ท่าไหล่สบาย หายปวดเข่า

2.)  ทำตามป๊า | ท่าชิดผนัง หลังตรง

3.)  ทำตามป๊า | ท่ากดจุด ลดความดัน

4.)  ทำตามป๊า | ไต่กำแพง แก้ปวดหลัง

5.)  ทำตามป๊า | 4 ท่า ย้อนอายุ

6.)  ทำตามป๊า | ท่าสุดฟิตบนเตียงสำหรับ สว. (ผู้สูงวัย)

7.)  ไกลหมอ - โรคความดันโลหิตสูง

8.)  ไกลหมอ - โรคหลอดเลือดและหัวใจ

9.)  ไกลหมอ - โรคอัลไซเมอร์

10.)  ไกลหมอ - ภาวะวัยทอง

11.)  ไกลหมอ - โรคกระดูกพรุน

12.)  ไกลหมอ - โรคภูมิแพ้

13.) ไกลหมอ - ไกลมะเร็ง

14.)  ไกลหมอ - โรคเข่าเสื่อม

16. บริหารฮอร์โมน เพื่อการนอนหลับ 

17. ธาตุเจ้าเรือน คนธาตุน้ำ

18. ธาตุเจ้าเรือน คนธาตุลม

19. ธาตุเจ้าเรือน คนธาตุไฟ

20. 5 ผลไม้ต้านมะเร็ง

21. อาหาร 13 อย่างที่ช่วยให้ร่างกายผลิต Collagen

23. นมกล่อง นมวัว นมถั่วเหลือง เหมาะกับใคร  

27. จุลินทรีย์ในร่างกาย และ ภาวะลำไส้รั่ว

28. ปวดเข่า เสียวเข่า มีเสียงกร๊อบแกร๊บ ถ้าไม่อยากผ่าตัด ให้ทำ 4 สิ่งนี้ | หมอโอ๊ค รวม  6 คลิป

29. หมอโอ๊ค : ลดพุงลดโรค ให้แข็งแรง อยู่เกิน 100 รวม 106 คลิป

32. เล่นทั้งหมด กินอาหารเป็นยา  : 7 Clips

33.  ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น : 4 Clips

34.  สกุลไพร กับหมอนัท : 18 Clips

21.  อาการโรค กับหมอนัท  : 27 Clips

bottom of page